14 กรกฎาคม Bastille Day วันชาติฝรั่งเศส
อาทิตย์นี้ทีมงานวันว่างขอรำลึกถึงวันสำคัญของมิตรประเทศอย่างฝรั่งเศส ที่มีความเกี่ยวข้องทั้งทางวัฒนธรรม และ ค้าขายกันมายาวนานและคงเป็นที่ทราบ กันดีในหมู่คนไทยที่สนใจประวัติศาสตร์ทางยุโรปว่า วันที่ 14 ก.ค. นั้นเป็นวันรำลึกถึง วันชาติฝรั่งเศส ความเป็นมาของวันนี้เป็นอย่างไรนั้น ทางทีมงานวันว่างได้ค้นหาข้อมูล มาเป็นเกร็ดความรู้แก่ท่านผู้อ่าน มีรายละเอียดดังนี้ค่ะ วัน Bastille คือวันที่ 14 กรกฏาคม เป็นวันที่คุก Bastille:ซึ่งคุมขัง นักโทษทางการเมืองในฝรั่งเศสถูกทำลายโดยพลังประชาชน วันนี้เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ ของการสิ้นสุดการปกครองแบบราชาธิปไตยในประเทศฝรั่งเศส และเริ่มต้นศักราชของ การปกครองแบบสาธารณรัฐเป็นครั้งแรก ในวันหยุดประจำชาติวันนี้ คือห้วงเวลาที่ประชาชนชาวฝรั่งเศสจะร่วมกันรำลึกถึง การก่อตั้งสาธารณรัฐ อีกทั้งในวันนี้ยังเป็นวันที่เปรียบเสมือนกับรากเหง้าประวัติศาสตร์ ของการเปลี่ยนแปลงการปกครองอันน่าจดจำ ซึ่งลำดับเหตุการณ์โดยสังเขปในครั้งนั้น มีรายละเอียดที่น่าสนใจดังนี้ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1789 ; บรรดาเหล่าขุนนางในระบอบการปกครอง แบบราชาธิปไตยเปิดประชุมสภาขุนนางทันทีที่ พวกเขาได้ข่าวว่า บรรดาชนชั้นกรรมมาชีพ ซึ่งเป็นประชากรส่วนใหญ่ของสังคมฝรั่งเศสใน สมัยนั้น เรียกร้องให้เปลี่ยนแปลงการปกครอง ให้เป็นระบอบสาธารณรัฐ รวมทั้งให้มีการ ร่างรัฐธรรมนูญและก่อตั้งรัฐสภาแห่งชาติ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1789 ; ตัวแทนของคณะก่อการจากชนชั้นกรรมมาชีพ ได้กระทำสัตยาบรรณร่วมกัน ที่เรียกว่า Jeu de Paume ซึ่งจารึกไว้ว่า เหล่าคณะผู้ก่อการจะไม่ แตกแยกกันจนกว่าจะมีการร่างรัฐธรรมนูญเป็น ผลสำเร็จ แนวความคิดของคณะผู้ก่อการ ได้รับการตอบรับอย่างยิ่งยวดจากประชาชนชาว ฝรั่งเศสที่ต้องต่อสู้กับความแร้นแค้น และสภาวะเสื่อมถอยของสังคมในสมัยนั้น ในขณะที่แนวความคิดนี้ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง กับชนชั้นขุนนาง14 กรกฏาคม ค.ศ. 1789 ; เมื่อมีแนวร่วมมากขึ้นทำคณะปฏิวัติ แข็งแกร่งขึ้นทุกขณะ ประชาชนในปารีสได้รวมตัวกันเดินขบวนไปยังคุก Bastille เพื่อ ปลดปล่อยนักโทษทางการเมืองที่มีความเห็นไม่ตรงกันกับบรรดาเหล่าขุนนาง ความล่มสลายของคุก Bastille ภายใน 1 วันด้วยพลังประชาชนทำให้การปฏิวัติประสบ ผลสำเร็จอย่างรวดเร็ว 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 ; การปฏิวัติประสบผลสำเร็จ ความล่มสลาย ของคุก Bastille กลายเป็นสัญลักษณ์แห่งเสรีภาพ และประชาธิปไตย ของชาวฝรั่งเศส ทุกคนตราบจนกระทั่งทุกวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น